วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2

บทที่ 2


ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อยใจสามารถจะสืบย้อนได้ไปถึงสมัยที่ยังมีอาณาจักร Babylonian และอาณาจักร Egyptian หลักฐานที่สนับสนุนการกล่สวอ้างนี้คือ ได้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าชมในนคร Babylon เมื่อประมาณ 2600 ปีมาแล้ว สำหรับชาวอียิปต์ก็มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนาซึ่งดึงดูดทั้งผู้ที่มีความเลื่อมใสและผู้ที่เพียงอยากชมตึกราม สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและผลงานทางด้านศิลปะในเมืองใหญ่ๆในอาณาจักรอียอปต์ เมื่อมีคนมาเที่ยวชมงานเทศกาลและสถานที่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆที่เกิดขึ้น ชาวอียิปต์บันทึกไว้เมื่อกว่า 2000ปีก่อนคริสตกาลด้วย

นักท่องเที่ยวชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงเดินทางทางเรือ สินค้าต่างๆก้ค้นทางเรือ ชาวกรีกจึงเป้นนักเดินเรือที่มีความชำนาญ ในช่วง500ปีก่อนคริสตกาล กรุงเอเธนส์เป้นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสถานที่สำคัญ



สรุปได้ว่าในสมัยอาณาจักรโรมันการท่องเที่ยวมีทั้งการท่องภายในประเทศและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป้นการท่องเที่ยวที่ไร้พรมแดนเพราะไม่มีอาณาเขตแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นดินแดนของอังกฤษ และยังมีภาษาละตินเป้นภาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น ชาวโนมันเดินทางไปยัง Sicily , กรีก เกาะ Rhodes เมืองทรอย และอิยิปต์ และเมื่อถึงคริสศตวรรษที่ 3 ชาวโรมันก้ได้เดินทางไปจนถึงดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์



มัคคุเทศก์และคู่มือนำเที่ยวในยุคต้นๆ

Herodotus ได้บันทึกคำบอกเล่าของเหล่ามัคคุเทศก์ในสมัยนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่น่าเหลือเชื่อต่างๆ ไม่เท่าเทียมกันมีความแตกต่างกันทั้งในด้านคุณภาพของข้อมูล มัคคุเทศก์ในสมัยก่อนคริสตกาลแบ่งออกได้ 2 พวก พวกแรกคือ พวกที่เรียกว่า Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินค่าตอบแทน

หนังสือคู่มือนำเที่ยวปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย นักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชาวกรีกชื่อ Pausanias ได้เขียนหนังสือชื่อ Description of Greece ขึ้นซึ่งเป้นการวิจารณ์เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หนังสือนี้เป็นแนวทางให้กับนักเขียนในยุคหลังๆป้ายโฆษณาก้เริ่มเป้นที่รุ้จักในยุคนี้ แล้วในสมัยโรมันโบรานนักท่องเที่ยวชาวโรมันก็มักประสบปัญหาสินค้าปลอมแปลง อีกด้วย





การท่องเที่ยวในยุคกลาง มีประเด็นที่สำคัญ 3 ประการคือ
  1. มีเป้าหมายของการเดินทางที่เด่นชัดได้แก่การแสวงบุญ
  2. ผลการเดินทางมีความสำคัญและความหมายทางด้านจิตใจเพราะเป็นเหตุการณ์สำคัญแห่งชีวิต
  3. ผู้แสวงบุญต้องการให้คนอื่นเห็นถึงความสำเร็จแห่งการเดินทางในรูปของของที่ระลึก

แกรนด์ทัวร์(Grand Tour)

  • ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาได้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบเสรีภาพ และความต้องการที่จะเรียนรุ้ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
  • ชาวอังกฤษที่ร่ำรวยนิยมที่จะส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับอาจานย์ผู้สอนประจำตัว โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศ อิตาลี

สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19

  • สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรมไปเป็นอุตสหกรรม
  • ที่พักแรมกลายเป็นโรงแรมแทนที่ inns ต่างๆ
  • การย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนใหม่ๆ
  • มีกานพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ
  • มีการพัฒนากิจการรถไฟ
ยุคศตววษที่ 20
  • การท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง มีความสะดวกสบายมากขึ้น
  • ผู้คนนิยมการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวขึ้น
  • พํฒนาของอุตสหกรรมการบิน

การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

  • ผู้คนสนใจเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น เกิดความต้องการที่จะเห็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
  • การเดินทางด้วยเครื่องบินมีระยะทางไกลขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การบิน
    เที่ยวบินเที่ยวแรกเป็นการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างนิวยอร์คกับเมืองปอร์ธสมัธ แต่เมื่อมีการหยุดพักหลายแหล่งในระยะแรกจึงไม่เป็นที่นิยมนัก
  • การเดินทางอากาศมีการขยายตัวอย่างรวดเร้ว ค่าโดยสารจะค่อนแพงก็ตาม แม่เมื่อแทบกับการเดินทางด้วยวิธีการอื่นการเดินทางทางเครื่องบินก็นับว่าไม่แพง
  • ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการบินโดยการเปิดตัว เครื่องบินเจท ลำตัวกว้างรุ่นโบอิ้ง 747 ซึ่งสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 400 คน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น