วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 10

กฎหมายสำคัญของไทยที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
1.กฎหมายเกี่ยวกับองค์การที่ดูแลสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยทั่วไป
1.1พระราชบัญญัติการท่อวเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522
1.2 พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
1.3 พระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544
1.4 พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537
2.กฎหมายควบคุมนักท่องเที่ยว
2.1 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2523 , 2523 และ 2542
2.2 พระราชบัญญัติศุลการ พ.ศ.2469 ถึง 2548
3.กฎหมายควบบคุมดูแล และ พัฒนาทรัพยากรการท่องเที่ยว
3.1 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
3.2 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และ 2546
3.3 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2484 , 2522 , และ 2525
3.4 พระราชบัญญัติป่าไม้
3.5 พระราชบัญญัติแร่
3.6 ประมวลกฤหมายที่ดิน
3.7 พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485
3.8 พระราชบัญญัติรักษาคลอง รศ. 121
3.9 พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2535

บทที่ 9

ผลกระทบของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจ
ด้านบวก
1.ช่วยทำให้เกิดรายได้แก่ท้องถิ่นภายในประเทศ
2.ช่วยทำให้เกิดรายได้ต่อรัฐบาล
3.ช่วยให้เกิดการจ้างงาน
4.ช่วยให้เกิดอาชีพใหม่
5.ช่วยให้เกิดรายรับเงินตราตต่างประเทศ
6.ช่วยให้เกิดภาวะดุลชำระเงิน
ด้านลบ
1.ค่าครองชีพของคนในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น
2.ราคาที่ดินแพงขึ้น
3.มีค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
4.ทำให้เสียสูญรายได้ออกนอกประเทศ
5.รายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ เป็นไปคามฤดูกาล
ผลกระทบจากการท่องเที่ยว
ด้านบวก
1.เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ลดความตรึงเครียด
2.ช่วยให้เกิดสันติภาพ
3.ช่วยประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมประเพณี
4.มาตรฐานการครองชีพดีขึ้น
5.คนในท้องถิ่นได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
6.ช่วยเสริมอาชีพให้คนในท้องถิ่น
7.ช่วยให้สภาพแวลล้อมของท้องถิ่นดีขึ้น
8.การเดินทงท่องเที่ยวจะช่วยให้เกิดสันติภาพแห่งมวลมนุษย์
9.การท่องเที่ยวจะช่วยลดปัญหาการอพยพเข้าไปทำงานในเมืองหลวง
ด้านลบ
1.ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคนในท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยว ทำให้คนในท้องถิ่นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชอบต่ำต้อย
2.การมีค่านิยมผิดๆ
3.โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป
4.การลบเลือนของอาชีพดั้งเดิมของท้องถิ่น
5.ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม
6.ปัญหาโสณีและเพศพาณิชย์
7.ปัญหาการบิดเบือนหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
8.ปัญหาความไม่เข้าใจและการขัดแย้งระหว่างคนท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยว
9.ช่วยให้เกิดการก่อสร้างสิ่งดึงดูดใจด้านการพักผ่อนในพื้นฐาน
10.ปัญหาต่างๆเช่น ปัญหายาเสพติด
ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อวัฒนธรรม
ด้านบวก
1.เกิดงานเทศกาลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
2.มีแหล่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและนักท่องเที่ยวนิยมมากขึ้น
3.ช่วยเผยแพร่เอกลักษณ์ประเทศ
ด้านลบ
1.คุณค่าของงานศิลปะลดลง
2.วัฒนธรรมประเพณีที่ถูกนำเสนอขายในรูปแบบของสินค้า
3.วัฒนะรรมของนักท่องเที่ยวมีบทบาทในการรับวัฒนธรรมใหม่
4.เกิดการตระหนักทางวัฒนธรรม
5.การยอมรับพฤติกรรมและเลียนแบบพฤติกรรมนั้น

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 8

ธุรกิจอื่นๆ และองค์ประกอบเสริมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว



ธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่ม มีอยู่ 7 ประเภทใหญ่ๆดังนี้


1.ธุรกิจอาหารจานด่วน : เป็นธุรกิจอาหารที่กำลังได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างรวดเร็ว แล้วจะเปิดบริการเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงต่อวันและเปิดทุกวัน และจะไม่มีการบริการเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์


2.ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปเดลี่ : เป็นธุรกิจที่ผสมผสานการใช้บริการอหารแช่แข็ง ปัจจุบันเป้นที่นิยมมาก เพราะการลงทุนต่ำแล้วส่วนใหญ่เจ้าของกิจการเป็นผู้ขายเอง


3.ธุรกิจอาหารบุฟเฟ่ : เป็นธุรกิจอาหารแบบบริการตนเอง ซึ่งราคาตั้งไว้ราคาเดียวและราคาไม่สูงมาก ส่วนมากเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว


4.ธุรกิจคอฟฟี่ช้อป : เน้นการบริการอาหารแบบรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะให้บริการอาหารที่เคาเตอร์บริการ การตกแต่งร้านเป็นแบบเรียบง่าย


5.ธุรกิจคาเฟทีเรีย : เป็นธุรกิจอาหารแบบบริการตัวเอง ร้านควรมีพื้นที่กว้างสำหรับเตรียมอาหาร เพื่อรองรับลูกค้า จำนวนมากที่ต้องการความรวดเร็ว ดังนั้นการฝึกฝนพนักงานบริการอย่างรวดเร็วจึงค่อนข้างจำเป็น


6.ธุรกิจอาหารกูเมต์ : เป็นธุรกิจที่เน้นการบริการในระดับสูง ทั้งด้านอาหาร การบริการของพนักงาน และการตกแต่งสถานที่แบบหรูหรา มักเน้นกลุ่มลูกค้าระดับสูง


7.ธุรกิจอาหารเฉพาะกลุ่มเชื้อชาติ : เป้นธุรกิจที่บริการอาหารเฉพาะรายการประจำท้องถิ่นหรือประจำชาติ พนักงานเน้นลักษณะประจำชาติหรือลักษณะของท้อถิ่นนั้นๆ


ธุรกิจนันทนาการ
1.ธุรกิจสวนสนุก : มี 2 ประเภท 1.สวนสนุก 2.สวนสนุกรูปแบบเฉพาะ
2.ธุรกิจบันเทิง
3.ธุรกิจการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว

บทที่ 7

ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยว
แทรเวล เอเจนซี่ หมายถึง ธุรกิจขายปลีกที่ได้รับอนุญาตให้ขายผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวแทนผู้ประกอบธุรกิจ
บทบาทหน้าที่ของแทรเวล เอเจนซี่
1.จัดหาราคาหรืออัตรสินค้าทางการท่องเที่ยว
2.ทำการจอง
3.รับชำระเงิน
4.ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
5.ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินด้าและบริการทางการท่องเที่ยว
6.ช่วยดำเนินการในการซื้อบีตรโดยสาร
7.ออกบัตรโดยสารเครื่องบินและเอกสารอื่นๆ
ประโยชน์ขอกการใช้บริการของแทรเวล เอเจนซี่
1.มีความชำนาญในการหาข้อมูลและวางแผนการท่องเที่ยว
2.สามารถหาข้อมูลหรือราคาที่ดีที่สุด
3.ช่วยประหยัดเวลาและความลำบาก
4.แก้ปัญหาได้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหา
5.รู้จักผู้ประกอบการะรกิจมากกว่า
6.รู้จักแหล่งท่องเที่ยวดีกว่า
ประเภทของแทรเว เอเจนซี่
1.แบบที่มีมาแต่เดิม
2.แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต
3.แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง
4.แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 6

ที่พักแรม


ความเป็นมา

ธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศ

โรงแรม เป็นธุรกิจที่พักแรมที่สำคัญในปัจบัน คำเรียกที่ว่า htel ศตวรรษที่ 18 กลุ่มหรือเชน โรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ Intercontinental , HoIiday Inn , Hilton , Sheraton เป็นต้น



โรงแรม Intercontinental





ธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย

กิจการโฮเต็ลหรือโรงแรมที่สำคัญในอดีตได้แก่


- โอเรียนเต็ลโฮเต็ล : สร้างในสมัยรัชดาที่ 5 โดยกลาสีเรือชาวต่างชาติเป็นเพียงอาคารไม้ชั้นเดียว

- โฮเต็ลหัวหิน : สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยกรมรถไฟหลวงจัดเป็นโรงแรมตากอากาศชายทะเลแห่ง แรกของไทย

- โฮเต็ลวังพญาไท : โรงแรสมัยรัชกาลที่ 7 ปรับปรุงจากพระราชวังพญาไท ใช้เป็นที่รับรองแขกต่างชาติ

- โรงแรมรัตนโกสินทร์ : ในสมัยรัชกาลที่ 8 โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนชื่อ โรงแรมรอยัล


ปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรม


- ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก


- ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก อาหาร-เครื่องดื่ม


- ความสะดวก


- บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม


- ภาพลักษณ์ของกิจการ และ อื่นๆ


ประเภทที่พักแรม


1.โรงแรม

1.1 เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม


- ด้านที่ตั้ง


- ด้านขนาด


- ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก


- ด้านราคา


- ด้านระดับการบริการ


- ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์


2. ที่พักนักท่องเที่ยว

-บ้านพักเยาวชน หรือ โฮสเทล

-ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด

-ที่พักริมทางหลวง

-ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก หรือไทม์แชริ่ง

-เกสต์เฮ้าส์

-อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว หรือ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

-ที่พักกลางแจ้ง

-โฮมสเตย์

แผนกงานในโรงแรม

-แผนกงานส่วนตัว

-แผนกงานแม่บ้าน

-แผนกงานอาหารและเครื่องดื่ม

-แผนกขายและการตลาด

-แผนกัญชีและการเงิน

-แผนกทรัพยากรมนุษย์

ประเภทห้องพัก

1.Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว

2.Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด

3.Double ห้องพักเตียงคู่ที่เป็เตียงขนาดใหญ่

4.Suite ห้องชุดที่ภายในประกิบไปด้วยห้องตั้งแต่ 2 ห้องขึ้นไปโดยกั้นเป็นสัดส่วน

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

หัวข้อที่รายงาน


สวนสัตว์ดุสิต (เขาดินนวนา)

ประวัติความเป็นมา

สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ภายในบริเวณพระราชวังดุสิต เป็นสวนพฤกษชาติส่วนพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 8 ได้ทรงให้ทางเทศบาลกรุงเทพฯ จัดสร้างให้เป็นสวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทุกระดับชั้น และมีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ตลอดมา เขาดินเป็นสวนสัตว์ใหญ่ในกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่ 118 ไร่ มีสัตว์ป่าราว ๆ 2,000 ตัว ทั้งที่หายากและเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว มีต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม เหมาะเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์สำหรับนักเรียน นักศึกษา และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป



ไปเที่ยวเขาดิน

สวนสัตว์เขาดินตั้งอยู่บนถนนราชวิถีกับถนนพระราม 5 และถนนอู่ทองใน ใกล้กับพระที่นั่งอนันตสมาคม ประตูทางเข้ามี 4 ทาง จะเข้าจากทางถนนไหนก็ได้ ถ้าเอารถไป มีที่จอดด้านถนนราชวิถี เลยประตูทางเข้า บริเวณฟุตบาทจะทำเป็นช่องเว้าให้รถจอดได้ราว ๆ 20 คัน หรือเลี้ยวเข้าถนนอู่ทองใน ก็สามารถขับขึ้นไปจอดบนฟุตบาทบริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคารจอดรถได้ 2 ที่นี้ไม่เสียค่าจอด หรือถ้าต้องการที่จอดในร่มให้เข้าทางถนนอู่ทองใน จะเข้าอาคารที่จอดรถพอดี ค่าจอดรถยนต์ 50 บาท อย่าว่าแพงเลย คิดว่าช่วยบำรุงสวนสัตว์ ซื้ออาหารเลี้ยงสัตว์ก็แล้วกัน

เราซื้อบัตรผ่านประตูและก็ขอแผนผังของเขาดินมาดู เพื่อจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนอย่างไร จะได้ตั้งหลักการเดินชมอย่างคร่าว ๆ ได้


แผนผังเขาดิน


ยีราฟ

จรเข้

บทที่ 5

การคมนาคมขนส่ง



พัฒนาการขนส่งทางบก

เริ่มขึ้นในสมัย 200 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งใช้คนลากรถสองล้อ จากนั้นก็เปลี่ยนรถสี่ล้อที่ใช้ม้าลาก ต่อมาในปีค.ศ.1480 ได้ทีการประดิษฐ์รถม้าโดยสาร ในประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก และในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 มีการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำเพื่อช่วยพัฒนาการขนส่งทางเรือและรถไฟ มีการเปิดให้บริการรถไฟไอน้ำขึ้นในประเทศอังกฤษขบวนแรก ค.ศ.1825


พัฒนาการขนส่งทางน้ำ

การขส่งทางน้ำถือว่าเปนการขนส่งที่เก่าแก่มามากที่สุดในโลก มีการพัฒนาแพขึ้นมาจากท่อนไม้ และต่อมานำต้นไม้ทั้งต้นมาขุด เป็นลำเรือ ต่อมาได้มีการพัฒนาเรือที่ใช้เครื่องจีกรไอน้ำทำให้สามารถแล่นได้รวดเร็วและไกลขึ้น ในค.ศ.1815 มีการต่อเรือสำราญที่สมบรูณ์ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เรือสำราญได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจตกต่ำ มีการลดราคาการเดินทางลง

พัฒนาการขนส่งทางอากาศ

ค.ศ.1903 พี่น้อตระกูล Wright ได้ประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นเป็นครั้งแรก ใรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1ธุรกิจครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่าง London และ Paris มีการส่งผู้โดยสารครั้งแรกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา บินระหว่าง Boston กับ NewYork และในค.ศ.1927 ได้เริ่มจ้างพนักงานบนเครื่องบินขึ้น สงครามโลกคั้งที่ มีการผลิตเครื่องบินโบอิ้ง แล้วก็พัฒนามาเป็นเครื่องบิน Jumbo ไดอพ่นขนาดใหญ่

ประเภทของธุรกิจการคมนานคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว

1.ธุรกิจการขนส่งมางบก

- การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ

- การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ส่วนตัว : นิยมมากเพราะประหยัด สะดวก

- การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่า

2. ธุรกิจการขนส่งทางน้ำ

- เรือเดินทะเล : เป็นเรือคมนาคมขนส่งจากเมืองท่าหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง และมักเป็นฤดูกาล

- เรือสำราญ : เรือสำราญคล้ายโรงแรมลอยน้ำ เพราะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบคัน

- เรือข้ามฟาก

- เรือไบและเรือยอร์ช

- เรือบรรทุกสินค้า

3. ธุรกิจการขนส่งทางอากาศ

- การบินลักษณะเที่ยวบินประจำ

- เที่ยวบินประจำภายในประเทศ

- เที่ยวบินประจำระหว่างประเทศ

บทที่ 4

องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว



แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่


1. ทรัพยากรทางการท่อเที่ยว หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือสิ่งที่มนุษย์สร้างไว้
2. จุดหมายปลายทาง หมายถึง สถานที่ที่ใดที่หนึ่ง ที่เจาะจงหรือไม่จงเจาะก็ได้ อาจจะมีหลายๆสถานที่ต่อการเดินทางครั้งหนึ่ง
3. สิ่งดึงดูดใจทางการท่อเที่ยว หมายถึง สถานที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดให้คนเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม



ประเภทแหล่งท่องเที่ยว


1. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ หมายถึง สถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามะรรมชาติทั้งทางด้านชีวภาพ และกายภาพ


ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวทาธรรมชาติในประเทศไทย


ภาพที่ 1 ภูกระดึง


ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติในต่างประเทศ



ภาพที่ 2 ภูเขาไฟฟูจิ





2. แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ สถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและอายุซึ่งมีอยู่ 7 ประเภท ได้แก่

- โบราณสถานสัญลักษณ์แห่งชาติ : สถานที่ที่มีความสำคัญที่สูงสุด หาดชาติขาดจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง


- อนุสาวรีย์แห่งชาติ : อนุสรณ์ที่ได้สร้างเพื่อบุคคล หรือเรื่องราวสำคัญในอดีต


- อาคารสถาปัตยกรรมแห่งชาติ


- ย่านประวัติศาสตร์


- อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ


- นครประวัติศาสตร์แห่งชาติ


- ซากโบราณสถานและแหล่งโบราณคดีประวัติศาสตร์แห่งชาติ


ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น

ภาพที่ 3 พระที่นั่งอนันตสมาคม

3. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของผู้คนในท้องถิ่น คือ การท่องเที่ยววิถีการดำเนินชีวิตของชุมชนในท้องถิ่นนั้น การไปดูและศึกษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้น

ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม

ภาพที่ 4 ตลาดน้ำ



วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 3

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางท่องเที่ยว

ทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว

1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น : Maslow กล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการและแสดงพฤติกรรมต่างๆ เพื่อที่จะสนองตอบความต้องการและความต้องการจำเป็นต่างๆ ความต้องการของนุษย์ไม่มีวันจบสิ้น เมื่อต้องการอย่างหนึ่งได้รับ ความต้องการอีกระดับหนึ่งก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่ Maslow ได้เสนอควมต้องการของมนุษย์ทั้งหลายรวม 5 ขั้น ดังรูป





แผนภูมิที่ 1 ลำดับขั้นความต้องการจำเป็นของ Maslow


2.ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง : Philip Pearce ประยุกต์จากทฤษฎีของ Maslow แต่มีความแตต่างกันยกเว้นความต้องการในขั้นสูงสุด
3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น : ได้ทำการวิจัยนี้เมื่อปี ค.ศ.1979 เรียกว่า วาระซ่อนเร้น หรือ Hidden Agenda ซึ่งคล้ายกับทฤษฎีของ Maslow ซึ่งมีอยู่ 7 ประเภทดังนี้
-การหลีกหนีจากสภาพแวลล้อมที่จำเจ
-การสำรวจและประเมินตนเอง
-การพักผ่อน
-ความต้องการเกียรติยศ
-ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
-กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
-การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม
4.แรงจูงในมาการท่องเที่ยวในทัศนะของ Swarbrooke : ซึ่มีอยู่ 3 แรงจูงใจ
-แรงจูงใจทางด้านเสรีหรือกายภาพ
-แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม : ความสนใจที่จะสัมผัสวัฒนธรรมที่แปลกใหม่
-การท่องเที่ยวเอตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกบางย่าง : ความต้องการเห็นสิ่งที่เป็นอดีต การต้องชมบรรยายกาศที่โรแมนติก หรือไมก็ต้องการความตื่นเต้นผจญภัย
-การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ : แรงจูงใจที่อยากได้ชื่อว่าเที่ยวแล้วมีหน้าตา
-แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง : เดินเพื่อหาความรุ้และทักษะใหม่ๆ
-แรงจูงใจส่วนบุคคล
แนวโน้นของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
1.แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแสลล้อม : แบ่งเป็นสิ่งแวลล้อมสีน้ำเงิน หรือสิ่งแวลล้อมทางทะเล และสิ่งแวลล้อมสีเขียวหรือสิ่งแวลล้อมประเภทป่าไม้
2.แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้อถื่น
3.แรงจุงใจที่จะที่เข้ามจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4.แรงจูงใจที่เสริมสร้างสัมพนธภาพในครอบครัว
5.แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวลล้อมที่น่าสบาย
6.แรงจูงใจที่จะที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7.แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8.แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
9.แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
10.แรงจูงใจที่จะไห้รางวัลแก่ตนเอง
โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว : องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบโครงศร้างพื้นฐานหลักๆได้แก่
1. ระบบไฟฟ้า : เพียงพอ ทั่วถึง และใช้การได้ดี ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อผู้ใช้บริการ
2. ระบบประปา : สะอาด ถูกหลักอนามัย มีปริมาณเพียงพอ
3.ระบบสื่อสารโทรคมนาคม : โทรศัพท์มีสาย/ไร้สาย ไปรษณีย์ เป็นต้น ต้องมีความสะดวก รวดเร็ว มีปริมาณที่เยงพอ
4.ระบบขนส่ง
5.ระบบสาธารณสุข
ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์
-ลักษณะภูมิประเทศ
-ลักษณะภูมิอากาศ
2. ปัจจัยทางวัฒนธรรม

รายการทัว


ทุ่งทานตะวัน จ.ลพบุรี

ภาพที่ 1 ทุ่งทานตะวัน


ข้อมูลทั่วไป : ตั้งอยู่ที่ตำบลช่องสาริกาใกล้วัดมณีศรีโสภณ ทุ่งทานตะวันแห่งนี้เป็นทุ่งทานตะวันขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม จนกลายเป็นทุ่งทานตะวันที่มีความงดงามตามรรมชาติ


ภาพที่ 2 ดอกทานตะวัน


การเดินทางรถส่วนตัว :
เส้นทางแรก สามารถใช้เส้นทางพหลโยธินถึงกิโลเมตรที่ 4 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอพัฒนานิคม จนถึงซอย 12 สามแยกพุแคแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมณีโสภณและให้เลี้ยวขวาอีกประมาณ 2-5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่งทานตะวันนับหมื่นไร่

เส้นทางที่สอง สามารถเดินทางจากจังหวัดสระบุรี ไปตามทางหลวงหมายเลข 21 ไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมณีศรีโสภณและให้เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 2-5 กิโลเมตร ก็จะพบทุ่งทานตะวันนับหมื่นไร่

การเดินไปทริปกับขบวนรถไฟ : อีกจุดหนึ่งของทริปนี้ที่มีความสวยงามคือ จุดบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เส้นทางรถไฟที่คดเคี้ยว พาดกลางอยู่เหนือเขื่อนเสมือนรถไฟกำลังลอยอยู่ในน้ำ ถ้ามองจากท้ายขบวนจะเห็นหัวขบวนโค้งมาทางด้านซ้าย ถ้าอยากได้รูปสวยๆ ต้องเดินไปที่ท้ายขบวนจะมองเห็นทั้งขบวน จุดนี้รถไฟจะจอดให้ถ่ายรูปประมาณ 20 นาที ทันทีที่จอดปุ๊ปคนก็เฮลงมาเยอะมากครับ เดินไปไหนไม่ได้เลย วันนี้มีน้ำเยอะมากดูแล้วสวยดีครับ ลมเย็นดีมากด้วย

ค่าใช้จ่าย : เป็นขบวนรถพิเศษที่จะเริ่มเดินทางในช่วงประมาณวันที่ 22 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกทานตะวันเริ่มบาน ออกเดินทางทุกๆวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด ราคาจะแบ่งตามชั้นโดยสาร รถนั่งชั้น 1 (ปรับอากาศ) ราคา 675 บาท รถนั่งชั้น 2 (ปรับอากาศ) ราคา 465 บาท รถนั่งชั้น (พัดลม) 255 บาท (ราคาค่าโดยสารไป-กลับ รวมค่าเข้าชมทุ่งทานตะวัน)

ภาพที่ 3 รถไฟลอยน้ำ

อ้างอิงโดย

-http://www.folktravel.com/archive/

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สถานที่แนะนำ

เกาะเสม็ด จ.ระยอง




เกาะเสม็ด เชื่อกันว่าคือเกาะแก้วพิสดาร ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทย และชาวต่างประเทศ ตั้งอยู่ตำบลเพ อำเภอเมือง อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3,125 ไร่. เกาะเสม็ด มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านเหนือ และตะวันออก เหตุที่มีชื่อว่า "เกาะเสม็ด" เพราะเกาะนี้มีต้นเสม็ดขาว และเสม็ดแดงขึ้นอยู่มาก



การเดินทางไปเกาะเสม็ด


รถยนต์ สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง ได้แก่

-ส้นทางแรก ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) จากกรุงเทพฯ ผ่านอำเภอบางปู อำเภอบางปะกง จังหวัดชลบุรี บางแสน ศรีราชา พัทยา หาดจอมเทียน สัตหีบ อำเภอบ้างฉาง ไปจนถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร

-เส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนบางนา-ตราด) เริ่มจากตรงจุดสิ้นสุดทางด่วนด่านเฉลิมนคร อำเภอบางนา ผ่านอำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 ที่กิโลเมตรที่ 70 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากนั้นก็จะผ่านเส้นทางเดียวกันกับเส้นทางที่ 1 รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร

-เส้นทางที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 36 (บายพาส 36) จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 2 จนถึงกิโลเมตรที่ 140 อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 36 จากนั้นให้เดินทางต่อไปยังจังหวัดระยองด้วยระยะทาง 70 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร

-เส้นทางที่ 4 ทางหลวงหมายเลข 344 (ถนนสายบ้านบึง-แกลง) เริ่มจากจังหวัดชลบุรี ผ่านอำเภอบ้านบึง หนองใหญ่ อำเภอวังจันทร์ และสิ้นสุดที่อำเภอแกลง เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร (กรุงเทพฯ-ชลบุรี 80 กิโลเมตร) เส้นทางเส้นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังแหล่งที่องเที่ยวในเขตอำเภอแกลง หรือเดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรี หรือจังหวัดตราด และหากต้องการที่จะเดินทางเข้าสู่อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3 โดยย้อนกลับมาอีกประมาณ 42 กิโลเมตร

-เส้นทางที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 7 (สายมอเตอร์เวย์) เริ่มจากถนนพัฒนาการ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่ จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 75 กิโลเมตร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 36 เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร จนถึงอำเภอเมือง จังหวัดระยอง รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 175 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง จาก สถานีขนส่งสายตะวันออก ( เอกมัย) มีรถประจำทางไปยังตัวจังหวัดระยอง และอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดหลายเส้นทาง ได้แก่

-สายกรุงเทพฯ - ระยอง, บ้านเพ, แกลง, แหลมแม่พิมพ์, มาบตาพุด, ประแสร์ เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2391 2504


-สถานีเดินรถโดยสาร จังหวัดระยองโทร. 0 3861 137 9และมีบริษัทเดินรถเอกชนที่วิ่งบริการ เส้นทางสายด่วน มอเตอร์เวย์ ได้แก่ บริษัท ระยอง ทัวร์ โทร. 0 2712 3662 สาขาระยอง โทร. 0 38 86 1 354-5 จาก


-สถานีขนส่งหมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถ ธรรมดา และรถปรับอากาศชั้น 2 หมอชิต- ระยอง ออกทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 04.30-16.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2936 2841 ส่วนรถปรับอากาศสายด่วน วิ่งเส้นบางนา-ตราด ออกตั้งแต่เวลา 04.30-21.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ระยองทัวร์ กรุงเทพฯ โทร. 0 2 936 1216 สาขาระยอง โทร. 0 3886 1354-5

การเดินทางจากบ้านแพไปเกาะเสม็ด


จากท่าเรือบ้านเพ มีเรือโดยสารบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (รอผู้โดยสารอย่างน้อยประมาณ 20 คนจึงออกเรือ) ค่าโดยสารระหว่างบ้านเพ-หาดทรายแก้ว (ท่าเรือหน้าด่าน)ไป-กลับ 100 บาท เรือเมล์ 8.00 - 16.00 น.ใช้ เวลาเดินทางประมาณ 4


เรือ speed boat ราคาประมาณ 1,500 - 2,600 บาทต่อเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมงขึ่นอยู่กับจำนวนคนและขนาดของเรือ (รายละเอียดด้านล่าง) จากบ้านเพไปหาดต่างๆ ถ้าท่านพลาดเรือที่ไปยังอ่าวๆต่างๆที่ออกเป็นเวลาท่านสามารถนั่งเรือมาลงท่าเรือหน้าด่าน ค่าโดยสารประมาณ 50 บาทต่อคนใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่นี่มีบริการรถสองแถวและมอเตอร์ไซต์ ไปยังหาดต่างๆ ราคาขึ้นอยู่ระยะทางไปหาดนั้นๆ จากบ้านเพ-อ่าววงเดือน และะมีเรือออกเวลา 9.30 , 13.30 , 15.30 น. (ท่าเรือสะพานใหม่)ไป-กลับ 120 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือนวลทิพย์ โทร. 0 3865 1508, 0 3865 1956

การเดินทางบน เกาะเสม็ด

บนเกาะมีถนนสายเดียวเป็นทั้งคอนกรีตบ้างสลับกับลูกรังและดิน สองแถวดูจะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด อัตราค่าโดยสาร หาดทรายแก้วคนละ 10 บาท เหมา 100 บาท อ่าวไผ่คนละ 20 บาท เหมา 150 บาท อ่าวพร้าวอ่าววงเดือนคนละ 30 บาท เหมา 200 บาท อ่าวหวาย อ่าวเทียน 40 บาทต่อคน เหมา 300-400 บาท อ่าวกิ่วคนละ 50 บาท เหมา 500 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการจญภัยและสนใจมอเตอร์ไซต์เช่า ขับไม่คล่องอย่าลองจะดีกว่าเพราะสภาพถนนเป็นดินสลับหินและลาดชัน ราคาเริ่มต้น 300 บาทต่อวัน ขึ่นอยู่กับการต่อรอง


วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สถานที่ประทับใจ

ทะเลหาดแหลมแม่พิมพ์ จ.ระยอง


จังหวัดระยอง เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีทะเลสวยไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็น หาดแม่รำพึง เกาะเสม็ด บ้านเพ และหาดหนึ่งที่กำลังเป็นนิยมของนักท่องเที่ยว ที่น่าเที่ยวที่สุดก็คือ หาดแหลมแม่พิมพ์ ซึ่งหาดแม่พิมพ ์ยังมี ทะเล ชายหาด น้ำทะเล ที่สวยงามอยู่ พร้อมด้วยร้านอาหารริมทะเล และบ้านพัก โรงแรม ติดหาดแม่พิมพ์ ที่มีบรรยากาศดีมากๆ หาดแหลมแม่พิมพ์ มี โรงแรม รีสอร์ท หรือ โฮมเสตรย์ ให้ท่านเลือพัก อยู่ มากมาย ราคาไม่แพง อาหารทะเล สด อร่อย นั่งกินกัน ริมหากแหลมแม่พิมพ์กันเลย





แหลมแม่พิมพ์ อยู่กม.ที่ 263 และกิโลเมตรที่ 268 ผ่านอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไปอีก 5 กิโลเมตร หรือห่างจากวังแก้ว ตามถนนเลียบชายหาดไปอีก 11 กิโลเมตร บริเวณชายหาดแม่พิมพ์เล่นน้ำได้ คลื่นไม่แรง มีบริการบ้านพัก และร้านอาหารตลอดแนวชายหาดด้วยห่างจากตัวเมืองระยอง 48 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทมีทางแยกขวาไปแหลมแม่พิมพ์ถึง 3 แห่งด้วยกัน คือ กิโลเมตรที่ 259.5 กิโลเมตร


วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

395 ปี บันทึกของปินโต

395 ปี บันทึกของปินโต : หลักฐานประวัติสตร์นิพนธ์หรือนิยายผจญภัย





บันทึกเล่มนี้เป็นความทรงจำของแฟร์เนา เมนเดซ ปินโต เรื่อง "Peregrinação" ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปีค.ศ.1614 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพแวลล้อม ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนบ-ธรรมเนียม ประเพณี และเหตุการณ์การบ้านเมืองต่างๆ รวมทั้งอัตชีวประวัติของเขาอย่างน่าตื่นเต้นและเหลือเชื่อ บันทึกของปินโตถูกอ้างอิงจากนักประวัติศาสตร์ไทยอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชนุภาพมาจนปัจจุบันเมื่อกล่าวถึงบทบาทของทหารรักษาพระองค์ชาวโปตุเกตุเกสและการพระราชทานที่ดินใพวกเขาตั้งถิ่นฐานและปฏิบัติศาสนพิธีในสมัยอยุธยา



ปินโตเป็นชาวเมืองมองเตอร์มูร์เก่า ใกล้เมืองกูอิงบรา ในราชอาณาจักรโปรตุเกส ปินโตเกิดในครอบครัวยากจน เมื่ออายุประมาณ 10 หรือ 1 ขวบจึงต้องเป็นเด็กรับใช้ของสุภาพสตรีผู้หนึ่ง ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตรายจนต้องหลบหนีลงเรือจากเมืองกูแอดึแปดรา การผจญภัยของปินโตเกิดขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงเมืองดิว ในอินเดีย ขณะที่เขาอายุได้ 8 ปี เขาก็เดินทางกลัมาตุภูมิเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1558 รวมเป็นเวา 21 ปีของการแสวงโชคในเอเชีย ปิตโตเคยเดินทางไปในเอธิโอเปีย จีน อาณาจักรของชาวตาร์ตาร์ โคชินไชนา สยาม พะโค ญี่ปุ่น และหมู่เกาะอินเดีตะวันออกในน่านน้ำอินโดนีเซียปัจจุบัน เมื่อเขาเดินทางถึงโปรตุเกส เขาพยายามติดต่อขอรับพระราชทานบำเหน็จรางัลเนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติและศาสนาอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากราชสำนัก ปินโตเคยเดินทางเข้าสยาม ครั้ง ครั้งแรกเขาเข้ามาในปัตตานีและนครศรีรรมราชก่อนค.ศ1548 และครั้งที่ 2 เขาเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช



หลังจากปินโตถึงแก่กรรม บุตรของเขาได้มอบต้นฉบับหนังสือเรื่อง "Peregrinação" ให้แก่นักบวชสำนักหนึ่งแห่งกรุงลิสบอน งานเขียนของปินโตถูกตีพิมออกมา และแปลเป็นภาษาต่างๆ ค.ศ.1983 กรมศิลปากรได้เผยแพร่บันทึกของปินโตบางส่วนในชื่อ "การท่องเที่ยวผจญภัยของแฟร์นังด์ มังเดซ ปินโต ค.ศ. 1537-1558" ต่อมากรมศิลปากรร่วมกับกรมวิชการกระทรวงศึกษาธิการได้ตีพิมพ์ผลงานบางส่วนของเขขาออกเผยแพร่อีกครั้ง โดยแปลจากหนุฃังสือชื่อ "Thailand and Portugal : 470 Years of Friendship"


งานเขียนของปินโตถูกนำเสนอในรูปแบบของร้อยแก้ว บางตอนก้ระบุว่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาจากคำบอกเล่าและการสอบถาม บางตอนก็ระบุว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ด้วยตนเอง จุดมุ่งหมายในการแปลหนังสือเล่มนี้จากภาษาฝรังเศษเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อต้องการให้ผู้อ่านทั่วไปเกิดความพึงพอใจและกระตุ้นให้มีการสำรวจและค้นคว้าทางภูมิศาสตร์ เรื่องราวในหนังสือเล่มยังไปสอดคล้องกับงานเขียนของนักประวัติศาสตร์ชาวโปรตุเกสหลายคนอีกด้วย แถมนักประวัติศาสตร์ไทยหลายคนเลือกใช้ข้อมูลของปินโตมาอ้างโดยตอลดและ บางส่วนของงานเขียนมีรูปแบบเป็นจดหมายติดต่อกับบุคคลจึงไม่ความมองข้าม




วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2

บทที่ 2


ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อยใจสามารถจะสืบย้อนได้ไปถึงสมัยที่ยังมีอาณาจักร Babylonian และอาณาจักร Egyptian หลักฐานที่สนับสนุนการกล่สวอ้างนี้คือ ได้มีการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าชมในนคร Babylon เมื่อประมาณ 2600 ปีมาแล้ว สำหรับชาวอียิปต์ก็มีการจัดงานเทศกาลทางด้านศาสนาซึ่งดึงดูดทั้งผู้ที่มีความเลื่อมใสและผู้ที่เพียงอยากชมตึกราม สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงและผลงานทางด้านศิลปะในเมืองใหญ่ๆในอาณาจักรอียอปต์ เมื่อมีคนมาเที่ยวชมงานเทศกาลและสถานที่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆที่เกิดขึ้น ชาวอียิปต์บันทึกไว้เมื่อกว่า 2000ปีก่อนคริสตกาลด้วย

นักท่องเที่ยวชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงเดินทางทางเรือ สินค้าต่างๆก้ค้นทางเรือ ชาวกรีกจึงเป้นนักเดินเรือที่มีความชำนาญ ในช่วง500ปีก่อนคริสตกาล กรุงเอเธนส์เป้นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสถานที่สำคัญ



สรุปได้ว่าในสมัยอาณาจักรโรมันการท่องเที่ยวมีทั้งการท่องภายในประเทศและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป้นการท่องเที่ยวที่ไร้พรมแดนเพราะไม่มีอาณาเขตแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นดินแดนของอังกฤษ และยังมีภาษาละตินเป้นภาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น ชาวโนมันเดินทางไปยัง Sicily , กรีก เกาะ Rhodes เมืองทรอย และอิยิปต์ และเมื่อถึงคริสศตวรรษที่ 3 ชาวโรมันก้ได้เดินทางไปจนถึงดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์



มัคคุเทศก์และคู่มือนำเที่ยวในยุคต้นๆ

Herodotus ได้บันทึกคำบอกเล่าของเหล่ามัคคุเทศก์ในสมัยนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่น่าเหลือเชื่อต่างๆ ไม่เท่าเทียมกันมีความแตกต่างกันทั้งในด้านคุณภาพของข้อมูล มัคคุเทศก์ในสมัยก่อนคริสตกาลแบ่งออกได้ 2 พวก พวกแรกคือ พวกที่เรียกว่า Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินค่าตอบแทน

หนังสือคู่มือนำเที่ยวปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย นักเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชาวกรีกชื่อ Pausanias ได้เขียนหนังสือชื่อ Description of Greece ขึ้นซึ่งเป้นการวิจารณ์เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หนังสือนี้เป็นแนวทางให้กับนักเขียนในยุคหลังๆป้ายโฆษณาก้เริ่มเป้นที่รุ้จักในยุคนี้ แล้วในสมัยโรมันโบรานนักท่องเที่ยวชาวโรมันก็มักประสบปัญหาสินค้าปลอมแปลง อีกด้วย





การท่องเที่ยวในยุคกลาง มีประเด็นที่สำคัญ 3 ประการคือ
  1. มีเป้าหมายของการเดินทางที่เด่นชัดได้แก่การแสวงบุญ
  2. ผลการเดินทางมีความสำคัญและความหมายทางด้านจิตใจเพราะเป็นเหตุการณ์สำคัญแห่งชีวิต
  3. ผู้แสวงบุญต้องการให้คนอื่นเห็นถึงความสำเร็จแห่งการเดินทางในรูปของของที่ระลึก

แกรนด์ทัวร์(Grand Tour)

  • ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาได้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบเสรีภาพ และความต้องการที่จะเรียนรุ้ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
  • ชาวอังกฤษที่ร่ำรวยนิยมที่จะส่งบุตรชายออกเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับอาจานย์ผู้สอนประจำตัว โดยมีจุดมุ่งหมายที่ประเทศ อิตาลี

สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18-19

  • สังคมเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรมไปเป็นอุตสหกรรม
  • ที่พักแรมกลายเป็นโรงแรมแทนที่ inns ต่างๆ
  • การย้ายถิ่นฐานไปยังดินแดนใหม่ๆ
  • มีกานพัฒนาประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ
  • มีการพัฒนากิจการรถไฟ
ยุคศตววษที่ 20
  • การท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง มีความสะดวกสบายมากขึ้น
  • ผู้คนนิยมการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวขึ้น
  • พํฒนาของอุตสหกรรมการบิน

การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

  • ผู้คนสนใจเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น เกิดความต้องการที่จะเห็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม
  • การเดินทางด้วยเครื่องบินมีระยะทางไกลขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การบิน
    เที่ยวบินเที่ยวแรกเป็นการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างนิวยอร์คกับเมืองปอร์ธสมัธ แต่เมื่อมีการหยุดพักหลายแหล่งในระยะแรกจึงไม่เป็นที่นิยมนัก
  • การเดินทางอากาศมีการขยายตัวอย่างรวดเร้ว ค่าโดยสารจะค่อนแพงก็ตาม แม่เมื่อแทบกับการเดินทางด้วยวิธีการอื่นการเดินทางทางเครื่องบินก็นับว่าไม่แพง
  • ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการบินโดยการเปิดตัว เครื่องบินเจท ลำตัวกว้างรุ่นโบอิ้ง 747 ซึ่งสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 400 คน

บทที่ 1

บทที่ 1

ความหมาย ความสำคัญของการท่องเที่ยว


"การท่องเที่ยว" เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างที่ควรจะรู้จักถึงความหมายของการท่องเที่ยวซึ่งป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่ประเทศ และยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก


การท่องเที่ยวในปี 2506
ในปีพ.ศ. 2506 มีการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องของการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ที่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้ยอมรับข้อเสนอเกี่ยวกับคำจำกัดความของการท่องเที่ยวจากนักวิชาการจากองค์การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ต่อมาได้กลายเป็นองค์การท่องเที่ยวโลกในปี พ.ศ.2513 ว่าการเดินทางที่จัดเป็นการท่องเที่ยวต้องมีลักษณะ
  1. มีการเดินทางไปสถานที่อื่นชั่วคราว


  2. เป็นการเดินทางไปแบบสมัครใจ


  3. เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามที่มิใช่การประกอบการอาชีพและการหารายได้


จากนิยามความหมายของการท่องเที่ยวที่มาจากการประชุมในปีพ.ศ.2506 นั้นที่ประชุมได้ให้คำนิยามเรียกผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวว่า "ผู้เยี่ยมเยือน" ซึ่งจำแนกได้คือ

  1. นักท่องเที่ยว(Tourist) : ผู้มาเยือนชั่วคราว ณ สถานที่ไปเยืยนอย่างน้อย 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 1 คืนไม่เกิน 1 ปี


  2. นักทัศนาจร(Excursionst) : ผุ้มาเยือนชั่วคราว ณ สถานที่ไปเยี่ยมเยือน ไม่เกิน 24 ชั่วโมงและไม่พักค้างคืน



นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งผู้มาเยือนตามท้องถิ่นพำนักได้อีกเช่นกัน ได้แก่

  1. ผู้มาเยือนขาเข้า(Inbound Visitor) คือ ผู้มาเยือนที่มีถิ่นพำนักในต่างประเทศและเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอีกประเทศหนึ่ง


  2. ผู้มาเยือนขาออก(Outbound Visitor) คือ ผู้มาเยือนที่มีถื่นพำนักในประเทศหนึ่งและเดินทางไปท่องเที่ยวยังอีกประเทศหนึ่ง


  3. ผู้มาเยือนภายในประเทศ(Domestic Visitor) คือ ผู้มาเยือนที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศที่ตนเองมีถิ่นพำนักอยุ่


วัตถุประสงค์ของการเดินทางท่องเที่ยว

เพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานและพักผ่อน (Holiday)

  • เป็นการท่องเที่ยวในวันหยุด เพื่อความสนุกสนาน มีวันหยุดจำกัด ไปเที่ยวแบบทิ้งหน้าที่การงาน ชีวิตจำเจในประจำวัน
  • การเดินทางไปเยี่ยมญาติมิตร

เพื่อธุรกิจ (Business)

  • มีจุดมุ่งหมายในการทำงาน เพื่อสร้างรายได้ในอนาคต
  • การเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วไป
  • การเดินทางเพื่อประชุม สัมมนา และจัดแสดงนิทรรศการนานชาติ (MICE)

เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

  • ความต้องการของนักท่องเที่ยวในระดับซับซ้อน เพื่อศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นในถิ่นนั้นๆ

ประเภทการท่องเที่ยว

- แบ่งตามสากล

  • การท่องเที่ยวภายในประเทศ
  • การท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ
  • การท่องเที่ยวนอกประเทศ

- แบ่งตามลักษณะการเดินทาง

  • การท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ

- กรุ๊ปเหมา

- กรุ๊ปจัด

  • การท่องเที่ยวแบบอิสระ

แบ่งตามวัถุประสงค์การเดินทาง

  • เพื่อความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และพักผ่อน
  • เพื่อความธุรกิจ
  • เพื่อความสนใจพิเศษ

- การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ : เที่ยวแบบคำนึงถึงสิ่งแวลล้อม ธรรมชาติ

- การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม : ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ

- การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬา : เพื่อบำบัดโรค บำรุงสุขภาพกายและใจ

- การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา

- การท่องเที่ยวเชิงชาติพันธ์